เคล็ดลับการเลี้ยงลูก ที่ดีในปี 2023 เข้าใจได้ง่ายๆเพียง 5 ข้อ

beautiful asian mom with her baby

นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของ Covid-19 วิถีชีวิต พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของหลายคนและหลายช่วงวัยได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ปัจจุบันพ่อแม่ต้องเปลี่ยนแนวคิดในการเลี้ยงลูกที่แตกต่างไปจากเดิม จากที่เมื่อก่อนในตอนเด็ก ๆ หลายคนที่อ่านบทความนี้คงเคยสนุกกับการที่ได้วิ่งเล่นการละเล่นต่าง ๆ  ได้ทำหลายกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กได้มีการพัฒนาที่ดีในช่วงปฐมวัย แต่ในปัจจุบัน เด็ก ๆ หลายคนได้เริ่มใช้เทคโนโลยีอย่างโทรศัพท์กันมากขึ้น อันเนื่องมาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ต้องกักตัวในช่วง Covid-19 เรียนออนไลน์ เล่นตามเพื่อน พ่อแม่ไม่มีเวลาเลี้ยงดู ฯลฯ ดังนั้นพ่อแม่จึงต้องศึกษาและทำความเข้าใจว่าเด็กในสมัยนี้โตมาไม่เหมือนกับที่ตัวเองเคยพบเจอมาก่อน เราขอนำเสนอ เคล็ดลับการเลี้ยงลูก ที่ดีในปี 2023 เข้าใจได้ง่ายๆ เพียง 5 ข้อ ในการเลี้ยงลูกในยุคใหม่ให้กับพ่อแม่ทุกท่านเคล็ดลับการเลี้ยงลูก ที่ดีในปี 2023

1. เข้าใจลูก
“พ่อแม่ไม่เข้าใจลูก” คุณพ่อคุณแม่หลายท่านคงเคยได้ยินคำนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการคิดแทนลูก ตัดสินใจแทน ไม่รับฟังความต้องการของเด็กๆ จึงทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน วิธีแก้ปัญหาคือเมื่อเกิดความไม่เข้าใจกัน ควรที่จะเปิดใจคุยกัน ใจเย็น และใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ สอบถามความต้องการของลูกๆ ให้อิสระให้ลูกได้เรียนรู้และเติบโต แต่ก็อย่าตามใจมากเกินไป เพราะอาจทำให้เด็กอาจจะเกิดความเคยชินและเคยตัว จนเกิดปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย เนื่องจากสังคมในยุคปัจจุบันแตกต่างจากสมัยก่อนเป็นอย่างมาก ทำให้เด็กที่เติบโตมาในสมัยนี้ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรม ไม่ว่าจะเป็น สังคมรอบข้าง ครอบครัว และเพื่อน ซึ่งเพื่อนถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อพฤติกรรมและการใช้ชีวิต

2. การฝึกวินัยลูก
“สร้างวินัย ไม่ใช่บังคับ” วินัยคือสิ่งสำคัญสำหรับเด็ก พ่อแม่ควรที่จะฝึกให้ลูกๆ ได้รู้จักวินัยในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการกิน การนอน การเล่น ฯลฯ ซึ่งในปัจจุบันเด็กในสมัยนี้ค่อนข้างที่จะติดโทรศัพท์มือถือ ข้อมูลจากรายงานจับทิศทางสุขภาพคนไทย ปี 2563 (ThaiHealth Watch) พบว่า เด็กและเยาวชนไทยมีการใช้งานหน้าจอมือถือหรือจอใส ถึงสัปดาห์ละ 35 ชั่วโมง ซึ่งมากกว่าสถิติโลกที่ระบุไว้ว่าไม่ควรเกินสัปดาห์ละ 16 ชั่วโมง ดังนั้นพ่อแม่ควรที่จะควบคุม กำหนดเวลาการใช้งานโทรศัพท์มือถือให้กับลูก ไม่ให้ใช้งานมากจนเกินไปจนเกิดผลเสียตามมามากมาย และควรสอนให้ลูกรู้จักกติกาว่าสิ่งใดควรทำและรู้ว่าสิ่งใดไม่ควรทำ แทนที่จะลงโทษด้วยวิธีรุนแรง เช่น ดุด่า ลงโทษ เปรียบเทียบกับผู้อื่น ทั้งนี้ต้องทำแต่พอควร ไม่ใช่ว่ากำหนดกฎเกณฑ์ และกฎระเบียบทุกอย่างในชีวิตของเด็ก จนทำให้ลูกรู้สึกอึดอัด

3. การสื่อสารกับลูก
“ใช้วิธีการสื่อสารที่ผิด ชีวิตลูกอาจจะเปลี่ยนไป”การสื่อสารเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญต่อการพัฒนาการของเด็ก ซึ่งการสื่อสารของพ่อแม่จะเป็นตัวกำหนดว่าเด็กจะเติบโตมาเป็นคนที่สื่อสารกับผู้อื่นแบบไหน หากพ่อแม่เลี้ยงลูกและสื่อการกับลูกด้วยการดุด่า ตำหนิ ลงโทษ พูดเปรียบเทียบกับผู้อื่น ก็จะทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้น หรือเพียงแค่พ่อแม่ทะเลาะดุด่ากันเอง ก็จะทำให้เด็กที่ได้เห็นและได้ฟัง จดจำการกระทำ คำพูด และทำตาม พ่อแม่จึงต้องเอาใจใส่ลูกให้มากๆ และใช้คำพูดที่ดี มีเหตุผลและใจเย็น โดยการตั้งเงื่อนไข ขอความคิดเห็น แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และให้กำลังใจเพื่อให้เด็กได้พัฒนาการทั้งความคิดและทางอารมณ์

4.การสร้างอุปนิสัยให้กับลูก
“พ่อแม่ควรเป็นตัวอย่างที่ดีของลูก” ลูกจะเติบโตมาแบบไหน จะมีนิสัยอย่างไร ขึ้นอยู่กับพ่อแม่และสังคมรอบตัว หรือก็คือพ่อแม่ต้องสอนให้เห็น และเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูก อยากให้ลูกเติบโตมาแบบไหน พ่อแม่ก็ต้องแสดงออกให้ลูกเห็น ไม่ว่าจะเป็น การเห็นอกเห็นใจ อ่อนน้อมถ่อมตน กล้าแสดงออก รับฟังผู้อื่น ฯลฯ ทุกอย่างนี้ส่วนใหญ่ล้วนเกิดมาจากการซึมซับ มากกว่าการที่ได้ฟังคำสั่งสอน ซึ่งในยุคสมัยนี้พ่อแม่หลายคน มักจะเอาโทรศัพท์มือถือให้ลูกเล่น ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ถ้าหากไม่ควบคุม ไม่ตั้งเงื่อนไข ไม่กำหนดเวลา อาจทำให้เด็กมีนิสัยที่ไม่ดี เนื่องจากเด็กมักจะจดจำและทำตามสิ่งที่เห็นในสื่อออนไลน์ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่สมัยใหม่จึงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้สื่อและเทคโนโลยีต่างๆ มากขึ้น ในการเลือกสื่อหรือเกมต่างๆ ที่สร้างพัฒนาการให้ลูกรัก

5.อย่าปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียว

“มีทุกอย่างยกเว้นเวลาเลี้ยง”พ่อแม่หลายท่านคงประสบพบเจอกับปัญหานี้ ที่จำเป็นต้องทำงานเพื่อหาเงินจนไม่มีเวลาให้กับลูก ไม่สามารถอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูลูกได้เต็มที่ ไม่มีเวลาจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ และส่วนมากก็จะปล่อยให้ลูกเล่นโทรศัพท์มือถือ ให้ลูกดูสื่อออนไลน์เป็นประจำ จนเกิดผลเสียมากมายตามมา เช่น. พัฒนาการของเด็กช้า อารมณ์รุนแรง โมโหง่าย สายตาเสีย เข้ากับสังสมได้ยาก ดังนั้นพ่อแม่หลายท่านจึงมักจะส่งลูกไปให้ตายายเลี้ยง แต่อีกหนึ่งในตัวเลือกที่ดีก็คงเป็นการจ้างแม่บ้านหรือพี่เลี้ยงเด็กเพื่อให้เด็กได้มีคนดูแลอย่างใกล้ชิด ข้อดีของพี่เลี้ยงเด็ก มีหลายอย่าง เช่น. สามารถทำให้เด็กได้มีการพัฒนาการที่ดี มีคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้เด็กได้มีกิจกรรมได้ทำหลายอย่าง ได้เล่นกับพี่เลี้ยง ทำให้เด็กไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับโทรศัพท์มือถือ แต่ทั้งนี้ก็จำเป็นที่จะต้องหาพี่เลี้ยงที่ดี พี่เลี้ยงที่มีคุณภาพ และพี่เลี้ยงที่เข้ากับครอบครัวของเราได้ ไม่งั้นการเปลี่ยนพี่เลี้ยงบ่อยๆ จะทำให้เด็กอาจติดพี่เลี้ยงและเสียใจถ้าหากว่าต้องเปลี่ยนพี่เลี้ยง ถ้าหากคุณกำลังมองหาพี่เลี้ยงอยู่ บริการจัดหาพี่เลี้ยงที่ดีที่สุดในประเทศไทย ก็คงหนีไม่พ้น Kiidu เรามีความเชี่ยวชาญในการจัดหาพี่เลี้ยงที่ผ่านการอบรมมาอย่างดี มีคุณภาพ พี่เลี้ยงที่เราคัดเลือกมาเป็นพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์ทำงานในด้านนี้มาหลายปี ดูแลเด็กได้ครบทุกด้าน สามารถพูดได้หลายภาษา ทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถประหยัดเวลาได้เป็นอย่างมาก หากมีพี่เลี้ยงของ Kiidu คอยช่วยดูแล
หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดอยากใช้บริการจัดหาพี่เลี้ยง >>>คลิ้กที่นี่<<<

For More Information

เห็น มั้ยหล่ะ เคล็ดลับการเลี้ยงลูก ที่ดีในปี 2023 ไม่ได้เข้าใจยากขนาดนั้น หวังว่าคุณพ่อคุณแม่หลายๆ ท่านที่ได้อ่านแล้ว จะนำไปปรับใช้ในการเลี้ยงลูกเพื่อให้ลูกน้อยได้เติบโตมาอย่างมีประสิทธิภาพและให้ความสัมพันธ์ของครอบครัวเป็นไปในทางที่ดี
สนใจอ่านบทความอื่นๆได้ที่ KiiduBlog
#Kiidu #KiiduBlog #KiiduJob #เคล็ดลับการเลี้ยงลูก #เลี้ยงลูก2023 #เข้าใจลูก

Share this article:
you may also like
>